ในยุคที่ทักษะด้านดิจิตัลเป็นที่ต้องการอย่างล้นหลาม แต่ทักษะในด้าน Soft Skill ก็ไม่ได้สำคัญน้อยลงสักนิด และเมื่อความสามารถของพนักงานเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับธุรกิจยุคนี้ที่ทำให้บริษัทชั้นนำมากมายต่างก็พิถีพิถันในการเฟ้นหาคนที่ ใช่ สำหรับองค์กรของตัวเอง คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นความท้าทายไม่ใช่น้อยเลย สำหรับคนรุ่นใหม่ที่จะเสริมสร้างตัวเองให้มีความพร้อม จนสามารถสมัครงานผ่านกระบวนการรับสมัครและคัดกรอง รวมทั้งการสัมภาษณ์แบบเดิมๆ ที่การแข่งขันสูงลิบ และได้แสดงความสามารถของตัวเองอย่างเต็มที่จนได้งาน จะดีแค่ไหนถ้าเรามีเครื่องมือหรือกระบวนการบางอย่างที่สามารถลัดทอนขั้นตอนเหล่านั้น เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ทุกคนสมัครได้อย่างทั่วถึง แล้วโฟกัสไปที่ความสามารถทั้ง Soft Part และ Technical Part ของสายงานนั้นๆ อย่างแท้จริง
ภาพนั้นอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม เพราะล่าสุด SEEN แพลทฟอร์มประเมินความสามารถออนไลน์ จาก BASE Playhouse ที่มีจุดมุ่งหมายในการเปิดเผยความสามารถที่ซ่อนอยู่คนรุ่นใหม่ ได้ร่วมจับมือกับทาง ธนาคารกสิกรไทย KBank เพื่อเปิดตัวโครงการ SkillKamp โครงการที่มีจุดมุ่งหมายที่จะช่วยเพิ่มโอกาสในการได้งานของผู้สมัครงานด้วยการวัดความสามารถที่ซ่อนอยู่อย่างแท้จริง โดยเจาะไปที่กลุ่มตลาดแรงงานสายดิจิตัล โดยโครงการจะช่วยจับคู่คนที่มีความสามารถให้กับองค์กรชั้นนำที่เข้าร่วมโครงการเป็น Corporates Partner เพื่อเร่งให้เกิดการจ้างงาน โดยมุ่งหวังให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในวงกว้าง
โดยโครงการนี้จะเป็นเหมือน โอกาสครั้งสำคัญเพื่อให้คุณเข้าใกล้อาชีพในฝันมากยิ่งขึ้น สำหรับผู้ที่มีความสนใจ สายงานดิจิทัลกับการทำโจทย์ Business case จริงจากบริษัทชั้นนำแบบฟรีๆ ใน 5 สายงาน Performance Marketing, Business Analyst, Data Analytics and Visualization, Front-End developer และ Web developer พร้อมทั้งมี mentor มากประสบการณ์ให้คำปรึกษาแบบใกล้ชิดระหว่างร่วมโครงการ
จุดเริ่มต้นของโครงการเป็นยังไง ?
“ทาง BASE Playhouse เราตั้งใจสร้างแพลทฟอร์ม SEEN ขึ้นมาเพื่อต้องการจะประเมินความสามารถที่ซ่อนอยู่ในตัวคนออกมาอยู่แล้ว ประจวบเหมาะพอดีกับที่ทางธนาคารกสิกรไทย KBank ที่อยากจะเจาะกลุ่มตลาดงานดิจิตัล เพื่อเพิ่มโอกาสให้กับคนรุ่นใหม่ที่จะสมัครงานได้แสดงความสามารถที่แท้จริงออกมา โปรเจคต์ SkillKamp ก็เลยเกิดขึ้น…”
คุณ เมธวิน ปิติพรวิวัฒน์ CEO ของ BASE Playhouse และ Co-Founder ของ SEEN ให้สัมภาษณ์หลังจากโครงการ SkillKamp ได้เริ่มขึ้น
“เราใช้เวลากันอยู่สักพักเลย ในการฟอร์ม Working Team ร่วมกันขึ้นมาระหว่าง BASE Playhouse และ KBank เพื่อตกผลึกถึงคอนเส็ปต์ที่ควรจะเป็น เพื่อให้โครงการเข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้มากที่สุด และเพิ่มโอกาสในการได้งานอย่างแฟร์ที่สุด”
คุณเมธวิน เล่าเพิ่มว่าโครงการนี้เป็น Collaboration โปรเจคต์ที่เกิดจากการโยนไอเดียไปพร้อมๆ กันโดยใช้ความถนัดของของทั้งสองทีม เมื่อไอเดียเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง ทั้ง BASE Playhouse และ ธนาคารกสิกรไทย ได้ทำการเซ็นข้อตกลง (MOU) ซึ่งกันและกัน จุดนั้นถือเป็นจุดกำเนิดอย่างเป็นทางการของโครงการ และเป็นโครงการใหม่ที่สำเร็จได้จากจุดแข็งของทั้งสองทีมที่ขาดฝั่งใดฝั่งหนึ่งไปไม่ได้อย่างแท้จริง
“KBank เค้ามี ทรัพยากร และมีช่องทางในการกระจายโอกาสให้กับคนรุ่นใหม่อยู่แล้ว เช่นกัน ทาง BASE Playhouse เองเราก็มีเครื่องมือ SEEN ที่มาพร้อมระบบการวัดประเมิน ที่สามารถนำไปใช้ได้เลยทันที รวมถึง Know-How ต่างๆ ของทีม Learning Research ในการออกแบบแบบทดสอบ และ Business Case ในแต่ละสายอาชีพให้มีมาตรฐานในระดับการวัดประเมินทางวิชาการได้จริง รวมทั้งประสบการณ์ในการจัดโครงการและเวิร์คช็อกต่างๆ ให้กับคนรุ่นใหม่ ที่ BASE เคยจัดให้องค์กรใหญ่ๆ มามากมายด้วย ด้วยการใช้จุดแข็งของทั้งสองฝ่ายมาผนวกกัน SkillKamp จึงเป็น Collaboration โปรเจคต์ ที่ออกแบบและ co-develop ร่วมกันในรูปแบบของ KBank x SEEN อย่างแท้จริง”
คุณเมธวินได้เล่าให้ฟังเพิ่มเติมถึงความท้าทายต่างๆ ตลอดช่วงระยะเวลาการออกแบบโครงการเพิ่มเติม
“เราก้าวข้ามความท้าทายเยอะมาก ระหว่างที่สร้างโครงการนี้ เพราะทาง KBank ก็ใหม่ กระบวนการก็ใหม่ ความยากคือการทำให้ทุกฝ่ายเข้าใจ Value ของสิ่งที่เรากำลังจะทำ ว่ามันต่างยังไง และมันจะเปลี่ยนแปลงสิ่งเดิมๆ ได้ยังไง ต้องขอบคุณทีมงานของทั้งทาง KBank และ SEEN อย่างแท้จริง ที่ทำงานกันอย่างหนักและ push through สิ่งเหล่านี้ไปจนคลอดโครงการออกมาจนสำเร็จได้”
ทำไมต้องมีระบบ SEEN
“ไม่เหมือนกับวิธีการสมัครงาน หรือการคัดกรองทั่วไป ที่เรามานั่งดู Resume ผู้สมัครทีละคน การทำแบบนั้น Bias มันเยอะกว่า เราไม่มีทางรู้ว่าคนนั้นเก่งจริง หรือว่าแค่ พูดเก่ง แต่เมื่อเราใช้ SEEN มันคือเครื่องมือที่ใช้กลไกในการวัดประเมินประเภทต่างๆ ที่มีความหลากหลายในการวัดความสามารถของแต่ละสายอาชีพ ทั้งในทาง Technical และ Soft Parts โดยให้เราเห็นผลงานจริงๆ ของ candidate คนนั้นว่าเค้าทำได้จริงมั้ย ไม่ใช่แค่นำเสนอหรือเล่าเก่งอย่างเดียว”
คุณเมธวิน เล่าถึงจุดต่างและที่มาที่ไปของระบบ SEEN และยังเสริมเพิ่มเติมถึงจุดเด่นอีกข้อหนึ่งที่ทำให้ระบบนี้เหมาะมากๆ กับโครงการ SkillKamp
“ข้อสำคัญอีกข้อคือมัน scale ได้ เราสามารถออกแบบข้อสอบที่ให้คนจำนวนมากเข้ามาทำผ่านระบบออนไลน์ได้ โดยไม่ต้องจัดสอบจริงๆ และสามารถป้องกันการโกงข้อสอบได้ในระดับหนึ่งด้วยเพราะในระบบมี Anti-Cheating System”
ด้วยระบบที่พร้อมมาก่อนอยู่แล้ว จึงทำให้โครงการ SkillKamp สามารถนำไปใช้ต่อได้เลย และสามารถตอบโจทย์การกระจายโอกาสจำนวนมากได้ ด้วยผลลัพธ์ของการคัดเลือกคนที่แม่นยำขึ้นกว่าเดิม
โครงการ SkillKamp แตกต่างยังไง?
โครงการ SkillKamp เป็นโครงการที่ใครก็ตามที่ต้องการจะสมัครงานในสายดิจิตัลสามารถเข้าถึงได้ ที่สำคัญคือสามารถสมัครได้ฟรีตลอดทั้งโครงการโดยไม่มีค่าใช้จ่าย และยังมีกิจกรรมมากมาย ทั้ง Mentorship และ Workshop ต่างๆ ตลอดทั้งโครงการ นอกจากนี้ในช่วงท้ายของโครงการยังมี Pitching Stage เพื่อให้ผู้เข้าโครงการที่ผ่านเข้ารอบ ได้พบปะและนำเสนอ Business Case กับคณะกรรมการที่มาจาก Corporates Partner ชื่อดังแบบตัวต่อตัวอีกด้วย
“ความแตกต่างที่สำคัญอีกอย่างของโครงการนี้คือ ตัวแบบทดสอบ และ ตัว Business Case ทางทีม SEEN ได้ออกแบบเนื้อหาข้างในโดยการจำลองเนื้องานที่เกิดขึ้นจริงจากทั้ง 5 สายงาน ที่ผ่านการพูดคุยมาแล้วกับ Recruiter จากองค์กรชั้นนำแต่ละที่จริงๆ จากนั้นก็เอามาสะกัดเป็น บททดสอบ และโจทย์ เพื่อให้สามารถเปิดเผยความสามารถของ candidate แต่ละคนได้จริงๆ ว่าทำงานนั้นได้มั้ย … และในทางกลับกันตัว candidate เองก็จะได้จำลองสายงานตัวเอง และเช็คตัวเองไปในตัวด้วยว่า เอ๊ะ! งานแบบนี้ในสายงานนี้ มันเป็นเราจริงๆ รึเปล่านะ เราทำมันได้มั้ย และเหมาะกับมันจริงๆ มั้ย”
คุณเมธวินยังบอกอีกว่า นี่คือความพิเศษของโครงการนี้ และยังนับว่าเป็นกระบวนการคัดเลือกที่ได้ประโยชน์ทั้งฝ่ายของ องค์กร และตัวของผู้สมัครงาน ด้วยเช่นกัน
ถ้าอยากจะเข้าร่วมโครงการต้องทำยังไง ?
โครงการ SkillKamp เปิดรับสมัครตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม ถึง 8 มีนาคม 2566 และมีกำหนดสิ้นสุดโครงการในวันที่ 29 เมษายน 2566 ใครที่ต้องการจะสมัครงานและอ่านมาแล้วถึงตรงนี้สามารถดูรายละเอียดโครงการเพิ่มเติม และสมัครได้เลยทันที่ลิงค์ด้านล่าง
อ่านรายละเอียดและสมัครโครงการ SkillKamp
https://skillkamp.com/
